Letters to Juliet (สะดุดเลิฟ…ที่เมืองรัก) 10ปีของหนังรัก ที่ยังน่ารักอยู่เสมอ

Letters to Juliet (สะดุดเลิฟ…ที่เมืองรัก)
Published: May 16, 2010

Letters to Juliet

ผ่านมาแล้วเป็นระยะเวลา 10 ปี กับหนังรักโรแมนติกในดวงใจของผมอีกหนึ่งเรื่อง Letters to Juliet ที่แม้ชื่อภาษาไทยจะเห่ย แต่เนื้อหาภายในหนังนั้นหากลับได้เห่ยตามไม่

Letters to Juliet ว่าด้วยเรื่องของ ‘โซฟี’ หญิงสาวผู้ที่มีอาชีพ ‘ผู้ตรวจสอบความจริง’ (Fact Checker) ให้กับนิตยสาร The New Yorker กับ ‘วิคเตอร์’ คู่หมั้นของเขา ชายผู้มีความฝันอยากจะเปิดร้านอาหารของตัวเองในเมืองนิวยอร์ก ได้ตกลงจะไป (Pre) ฮันนีมูนกันที่เมือง ‘เวโรนา’ ประเทศอิตาลี

วิคเตอร์เป็นคนบ้างาน เขาหมกมุ่นอยู่กับการหาวัตถุดิบ เขาพาโซฟีตามไปทุกที่ในที่ที่เขาอยากไป ทั้งไร่ไวน์ โรงทำชีส แม้สถานที่เหล่านั้นจะสวยงาม แต่โซฟีนั้นกลับรู้สึกอยู่ภายในใจว่าเธอไม่ควรมาอยู่ในที่เหล่านี้ สุดท้ายเขาทั้งสองคนจึงตัดสินใจแยกกันไป วิคเตอร์ไปตามหาวัตถุดิบ และโซฟีก็ไปเที่ยวในเมือง และเรื่องราวทั้งหมดก็เริ่มต้นขึ้นที่จุดนี้

โซฟีได้เดินทางไปยัง ‘บ้านของจูเลียต’ สถานที่ซึ่งหญิงสาวทั่วทุกมุมโลกต่างพากันมาเขียนระบายปัญหาเรื่องความรักของตน และเมื่อโซฟีได้เห็นข้อความของหญิงสาวเหล่านั้นเขาก็เกิดนึกสงสัยว่าจดหมายเหล่านั้นท้ายที่สุดแล้วมันจะถูกเก็บนำไปในที่ใด? เขาจึงสะกดรอยตามผู้หญิงคนหนึ่งที่เก็บจดหมายเหล่านั้น นำไปสู่การพบเจอกับกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ‘เลขาของจูเลียต’กลุ่มเลขาของจูเลียตมีหน้าที่ในการเขียนตอบจดหมายให้แก่ผู้ที่มีปัญหาด้านความรัก โดยเมื่อเขียนแล้วก็จะนำจดหมายเหล่านั้นส่งกลับไปยังผู้มาขอคำปรึกษา

และในอีกวันหนึ่งโซฟีก็ได้ขอติดตามคนในกลุ่มเลขาฯ ไปเก็บจดหมายด้วย แล้วก็ทำให้เธอได้พบกับจดหมายเก่าในซอกผนัง ซึ่งถูกเขียนขึ้นเมื่อ 50 ปีที่แล้ว เป็นข้อความของหญิงสาวชาวอังกฤษที่ชื่อแคลร์ เธอต้องการปรึกษาปัญหาเรื่องราวความรักระหว่างเธอกับ ลอเรนโซ หนุ่มชาวอิตาลี ซึ่งพ่อแม่เธอไม่ยอมให้เธอกับเขาคบกัน และทั้งสองก็ตกลงจะหนีไปด้วยกัน เธอจึงอยากรู้ว่าเธอควรจะทำอย่างไรดี

โซฟีเขียนตอบจดหมายนั้น และเพียงไม่ถึงอาทิตย์แคลร์ และหลานของเขาก็ได้มาอยู่ในเมืองเวโรน่าอีกครั้ง เพื่อภารกิจตามหาลอเรนโซ ที่ในตอนนั้นเธอไม่อาจหาญกล้าพอที่จะไปพบกับเขาตามที่สัญญากันเอาไว้…

ซึ่งโดยรวมของหนังนั้นทำมาได้ดี ทั้งเพลงประกอบ ฉากในเมืองเวโรนา หรือแม้กระทั่งบทสนทนาของตัวละครในหนังนั้นก็ไม่ทำให้เราเบื่อเลยสักนิด อีกทั้งฉากที่เรียกน้ำตานั้นทำออกมาได้ดี ผมอินไปกับหนังจนน้ำตาซึมออกมาหลายรอบมากๆ แต่เป็นน้ำตาที่เต็มไปด้วยความปิติยินดีกับตัวละครนั้นๆ

ประเด็นที่สำคัญที่สุดภายในเรื่องก็เห็นจะเป็นเรื่อง ‘ความกล้าหาญ’ ที่จะบอกรักใครสักคน หรือกล้าที่จะรักใครสักคนโดยที่เราจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจในตอนหลัง และมานั่งบ่นว่า “ถ้าหากรู้แบบนั้น…เราคงจะลงมือทำมันไปแล้ว” และมันทำให้ผมพึงระลึกกไว้เสมอว่าเราไม่ได้โชคดีเหมือนกับในหนัง เพราะฉะนั้นไม่ว่าเราอยากจะลงมือทำอะไร ไม่ใช่เพียงแค่ความรักเท่านั้น แต่โอกาสในทุกๆ  เรื่องนั้นบางครั้งก็ไม่มีโอกาสให้เราเป็นครั้งที่ 2 เพราะฉะนั้นเราควรที่จะกล้าหาญลงมือทำในสิ่งที่เราเลือกก่อนมันจะสายเกินไป

ท้ายที่สุดผมคิดว่าทุกคนที่ชอบดูหนังรัก/โรแมนติก ก็คงจะชอบหนังเรื่องนี้เช่นกัน เพราะเป็นหนังที่อบอุ่นหัวใจ  เหมาะกับการดูกับแฟนของคุณในช่วงหัวค่ำ และผล็อยหลับไปพร้อมกันใต้อ้อมกอดที่อบอุ่นของคนรักของคุณ

แสดงความคิดเห็น