รีวิวภาพยนตร์จีน เรื่อง Better Days : ไม่มีวัน ไม่มีฉัน ไม่มีเธอ (2019)
Better Days : ไม่มีวัน ไม่มีฉัน ไม่มีเธอ (2019)
Better Days เป็นภาพยนต์แนว ดราม่า,อาชญากรรม,โรแมนติก ที่บรรยากาศโทนเรื่องค่อนข้างจริงจัง หนักหน่วง และมืดหม่น มีการหยิบยกปัญหาสังคมมาสะท้อน ทั้งปัญหาการกลั่นแกล้งกันในสถานศึกษาของจีน ความกดดันในระบบการศึกษาที่ต้องสอบแข่งขันกันเพื่อจะเข้าสู่มหาวิทยาลัยดี ๆ มีชื่อเสียง ซึ่งจะนำไปสู่การมีอนาคตที่ดีและรายได้มากมายหลังเรียนจบ โดยการเล่าเรื่องผ่านตัวเอก “เฉินเหนียน” เด็กเรียนดีที่ฐานะครอบครัวยากจน และเข้ากับเพื่อนไม่ค่อยได้ วันหนึ่งเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอฆ่าตัวตายเพราะถูกบูลลี่อย่างหนักในโรงเรียน หลังจากนั้นเฉินเหนียนก็เลยตกเป็นเป้าของการกลั่นแกล้งของทุกคนแทน จนในวันหนึ่งระหว่างทางกลับบ้าน เฉินเหนียนได้บังเอิญเข้าไปช่วยชีวิต “เสี่ยวเป่ย” ไว้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เสี่ยวเป่ยก็สัญญาจะปกป้องเฉินเหนียนตลอดไปไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
ยอมรับเลยว่าผมเองสนใจหนังตั้งแต่ได้ดูตัวอย่างแรกแล้ว(ช่วงกลางปี 2562 แต่ฉายในไทย สิ้นเดือนมกราคม 2563) ด้วยความที่ส่วนตัวค่อนข้างชอบหนังที่เล่นประเด็นสังคมจัดๆอยู่แล้วบวกกับเป็นหนังชีวิตพังๆของตัวเอกทั้งสองคนและหลังจากที่ได้ดูก็พบเลยว่า เรารักหนังรักเรื่องนี้สุดใจ ตอนนี้ยกหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ชอบที่สุดของปีนี้เลย(ไม่รวมครึ่งปีหลังที่ยังไม่ได้ฉาย) หนังทำให้เรามีอารมณ์ร่วมไปกับหนังได้ถึงแม้เราจะดูไปสองรอบรู้เนื้อเรื่องทั้งหมดแล้วแต่หนังก็ยังสามารถทำให้เราตื่นเต้นได้อยู่
ส่วนที่ชอบที่สุดของหนังน่าจะเป็นพาร์ทโรแมนติก เราค่อนข้างชอบความสัมพันธ์ของเสี่ยวเป่ย หนุ่มนักเลงที่แม่ทิ้งไปตั้งแต่เด็กจนตัวเองต้องเผชิญโลกด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่วันที่ยังไม่พร้อมและเฉินเหนียนนักเรียนสาวอ่อนต่อโลกที่โดนรังแกในโรงเรียนเพียงเพราะตนเองทำในสิ่งที่ถูก ทั้งสองค่อยๆพัฒนาความสัมพันธ์จากคนแปลกหน้ากลายเป็นคนรัก โดยมีสถานะการต่างๆเป็นตัวขับเคลื่อนความสัมพันธ์หนังเล่าส่วนนี้ออกมาได้ดี สามารถทำให้เชื่อได้เลยว่า มันต้องมีคู่รักแบบนี้สักคู่จริงๆบนโลกใบนี้ และเราหวังว่าทั้งคู่จะไม่ต้องพบเจอความโหดร้ายของโลกใบนี้เหมือนเขาทั้งสอง
หนังเต็มไปด้วยบทพูดที่ชวนให้เราคนดูได้ ฉุกคิดมากมาย “เส้นทางที่เราเลือกมักจะมีเงามืดเสมอแต่เมื่อเราเงยหน้าเราก็จะเห็นแสงสว่าง” “เราอยู่ในที่เสื่อมโทรมแต่บางคนก็ยังสามารถแหงนดูดาวได้” “เราทุกคนล้วนต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่แต่ทำไมถึงไม่มีใครสอนเราเลยว่าการเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีต้องทำอย่างไร” “ผู้ใหญ่ทุกคนล้วนบอกแต่ว่าช่วยหนูได้แต่ไม่เห็นมีใครสักคนเลยที่ช่วยหนูได้จริง” ซึ่งบทพูดเหล่านี้ล้วนโดนโยนเข้ามาถูกจังหวะหนังทำให้ยิ่งอินเข้าไปอีก
นอกจากหนังที่ดูสนุกดูง่ายครบทั้งด้านสาระและด้านบันเทิง อีกอย่างที่โดนเด่นและทรงพลังมากไม่แพ้กันก็คงเป็นการแสดงของนักแสดงสาวทรงอิทธิพลของจีน สาวปากปลาหมึก โจวตงหยู่ที่รับบทนางเอก เฉินเหนียนความจริงแล้วเธออายุ 27 ปีแต่กลับมีการแสดงทำให้คนดูเชื่อได้เลยว่าเธอคือเฉินเหนียงเด็กนักเรียนมัธยมปลายที่ใสซื่อ และแจ็คสันยีใบบทเสี่ยวเป่ย ผลงานเรื่องนี้เป็นผลงานเรื่องแรกของหนุ่มบอยแบน ที่ทำออกมาได้ดีเกินคาดและมีส่วนสำคัญที่ทำให้คนดูรักและเอาใจช่วยตัวละครทั้งสองตั้งแต่แรกเห็น ซึ่งนำไปสู่ปมความสะเทือนใจ โรแมนติก และซาบซึ้งในตอนท้าย
สรุปแล้วหนังเรื่องนี้นับเป็นหนังอีก 1 เรื่องของปีนี้ที่ไม่ควรพลาด คะแนนความประทับใจโดยรวมของผม 9.5/10 คะแนน ตัดไป 0.5 คะแนน เพราะช่วงแรกของหนังเล่าเร็วมากจนคนดูจับต้นชนปลายไม่ถูกสำหรับผมไม่มีปัญหาด้านนี้เท่าไหร่แต่จากการได้คุยกับเพื่อนหลายคนพบว่ามีบ้างที่ไม่เข้าใจส่วนนั้นส่วนนี้เพราะหนังเล่าจากภาพไม่ใช่คำพูดตรงๆทำให้อาจจะมีใจความบางอย่างหล่นหายไประหว่างทางบ้างแต่พอหนังเริ่มเข้ารูปเข้ารอยแล้วรับรองว่าสนุกมากแน่นอนครับ สุดท้ายผมหวังว่าทุกท่านที่ได้อ่านรีวิวผมจนจบจะได้มีโอกาศได้ดูหนังเรื่องนี้และรีวิวผมอาจจะทำให้คนสนใจหนังเรื่องนี้ได้บ้างแค่สักคนก็ยังดี
“เพราะผมเพียงแค่อยากแนะนำหนังดีๆที่ผมชอบให้คนอื่นได้ดูแค่นี้แหละครับปณิธานในการแนะนำหนังของผม”